รีเลย์คืออะไร?
รีเลย์เป็นสวิตช์ไฟฟ้าที่ใช้แรงแม่เหล็กไฟฟ้าในการควบคุมการเปิดและปิดวงจรไฟฟ้าหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งวงจร มักประกอบด้วยส่วนประกอบหลักเช่น เครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า ตัวต่อ และสปริง เมื่อขดลวดของเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้าได้รับพลังงาน จะสร้างสนามแม่เหล็กที่ดึงหรือปล่อยอาร์มาเจอร์ ทำให้ตัวต่อทำงานและทำให้วงจรเชื่อมต่อหรือตัดขาด
การจำแนกรีเลย์
รีเลย์สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ DC Relays และ AC Relays.
-
DC Relays:
- แหล่งจ่ายไฟ: ใช้แหล่งจ่ายไฟ DC
- การจำแนก: ตามขั้วของกระแสไฟฟ้า สามารถแบ่งได้เป็น Non-polarized Relays, Polarized Relays, และ Biased Relays
- หลักการทำงาน: ทั้งหมดเป็นรีเลย์แม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำงานโดยใช้สนามแม่เหล็กที่เกิดจากขดลวดที่ได้รับพลังงานเพื่อดึงอาร์มาเจอร์ ซึ่งจะทำให้ระบบตัวต่อทำงาน
-
AC Relays:
- แหล่งจ่ายไฟ: ใช้แหล่งจ่ายไฟ AC
- การจำแนก: ตามหลักการทำงาน รวมถึง Electromagnetic Relays และ Induction Relays
- Electromagnetic Relay: ทำงานคล้ายกับรีเลย์แม่เหล็กไฟฟ้า DC แต่แกนของมันมักจะมี shading coil หรือ shading ring เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนของอาร์มาเจอร์ที่เกิดจากศูนย์ของกระแส AC
- Induction Relay: ใช้การปฏิสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กสลับที่เกิดจากขดลวดและกระแสวนในส่วนที่เคลื่อนไหว (เช่น vane) โดยสนามแม่เหล็กสลับอีกสนามหนึ่งเพื่อสร้างแรงแม่เหล็กที่ทำให้ vane หมุนและทำให้รีเลย์ทำงาน

การใช้งานรีเลย์ในระบบสัญญาณรถไฟ
รีเลย์ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในระบบสัญญาณรถไฟ ประเภทหลักๆ ได้แก่: DC non-polarized relays, polarized relays, polarized holding relays, AC relays, ฯลฯ
-
DC Non-polarized Relay:
- รีเลย์แม่เหล็กไฟฟ้า DC ที่ขดลวดไม่มีการแยกขั้วและสามารถต่อเข้ากับแหล่งจ่ายไฟ DC ใด ๆ ได้ โดยทำงานได้อย่างเชื่อถือได้เมื่อได้รับพลังงาน
-
Polarized Relay:
- รีเลย์ DC ที่มีขั้วบวกและลบคงที่สำหรับขดลวด ต้องต่อเข้ากับแหล่งจ่ายไฟ DC ที่มีขั้วเฉพาะ
- เมื่อกระแสไหลผ่านขดลวดไปทางเดียว ตัวต่อหน้าจะปิดกับตัวต่อกลาง เมื่อกระแสไหลกลับ ตัวต่อหลังจะปิดกับตัวต่อกลาง เมื่อขดลวดไม่ได้รับพลังงาน รีเลย์จะไม่ทำงาน
-
Polarized Holding Relay:
- เป็นรีเลย์พิเศษที่มีทั้งฟังก์ชันขั้วและการรักษาสถานะ
- เมื่อได้รับพลังงาน จะปิดตัวต่อตามขั้วของกระแสไฟในขดลวด หลังจากตัดไฟ ตัวต่อจะยังคงอยู่ในสถานะเดิมจนกว่าจะได้รับกระแสไฟขั้วตรงกันข้าม คุณสมบัตินี้ทำให้รีเลย์ชนิดนี้ถูกใช้ในวงจรลอจิกอย่างแพร่หลาย
-
AC Relays:
- ใช้ไฟ AC รวมถึงประเภทต่าง ๆ เช่น รีเลย์โอนเฟืองหลอดสัญญาณไฟ, FD-type electric coders, JRJC-type two-element two-position relays, และ rectifier relays
-
Rectifier Relay:
- เป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงจากรีเลย์ DC non-polarized ที่มีรีเจคเตอร์และ稳压器在其输入端,将交流电转换为直流电后再供给继电器线圈。
- **DJ(灯丝继电器)**:信号灯中通常使用这种类型的继电器。
- **二元二位继电器**:
- 一种典型的感应继电器。它利用两个交变磁场(通常来自轨道电源和局部电源)在翼片中感应的涡流相互作用产生电磁力,驱动翼片旋转,从而使继电器动作。
- 25Hz相敏轨道电路中的**GJ(轨道继电器)**就是这种类型的继电器。
- **时间继电器**:
- 具有时延功能的继电器。当输入信号施加或移除时,其输出触点仅在预设的延迟时间后闭合或断开。
- 时间继电器常用于道岔启动电路中,以实现在道岔转换过程中的时间控制。

**铁路信号系统中使用继电器的原因**
- **高可靠性**:作为成熟的开关元件,继电器结构简单、性能稳定,能够在恶劣的铁路环境(如温度变化、振动、潮湿和灰尘)下长期可靠运行。这对于确保信号、道岔和轨道电路等关键设备的安全运行至关重要。
- **高安全性**:继电器的“故障安全”设计原则是其在铁路信号应用中的基础。当继电器发生故障(例如线圈断裂、电源丢失)时,由于重力或弹簧的作用,其触点会自动断开,使信号系统进入最安全的状态(例如信号显示红色),从而最大限度地降低事故风险。
- **高精度和确定性**:继电器具有短而可预测的响应时间,能够实现精确的切换控制。在复杂的联锁逻辑中,继电器操作具有高度确定性,确保信号控制的准确性。
- **灵活性和可扩展性**:通过不同的接线方法,继电器逻辑电路(继电器联锁)可以实现复杂的控制逻辑。系统易于根据车站布局和运营要求进行设计、修改和扩展。
- **良好的电气隔离**:继电器的控制电路(线圈侧)和被控电路(触点侧)完全电气隔离,增强了系统的抗干扰能力和安全性。
请严格按照要求翻译成泰语,并保持原文格式和结构不变。