เป็นส่วนประกอบทางไฟฟ้าที่สามารถควบคุมด้วยการเลื่อนเวลาได้ รีเลย์เวลาถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในระบบวงจรต่างๆ การเข้าใจและควบคุมวิธีการต่อสายของรีเลย์เวลานั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวิศวกรไฟฟ้าและผู้สนใจด้านอิเล็กทรอนิกส์ บทความนี้นำเสนอแผนภาพการต่อสายเพื่ออธิบายการใช้งานและการต่อสายของสองประเภทที่พบบ่อย คือ รีเลย์เวลาแบบล่าช้าเปิดและรีเลย์เวลาแบบล่าช้าปิด ในวงจรปฏิบัติ
1. รีเลย์เวลาแบบล่าช้าเปิด
1. อธิบายแผนภาพการต่อสาย
แผนภาพการต่อสายรีเลย์เวลาแบบล่าช้าเปิดทั่วไปรวมถึงแหล่งจ่ายไฟให้กับคอยล์และตัวต่อสวิตช์ ตัวอย่างเช่น ขา 2 และ 7 เป็นขาขั้วไฟให้กับคอยล์ หากใช้ไฟกระแสตรงจะต้องระวังเรื่องขั้ว ขา 1, 3, 4 และ 5, 6, 8 แทนสองชุดของตัวต่อสวิตช์ ตัวต่อ 1 และ 4 เป็นตัวต่อปกติปิด (NC) ซึ่งจะปิดอยู่จนกว่าเวลาที่ตั้งไว้จะครบ ณ จุดนั้น 1 และ 4 จะเปิด และ 1 และ 3 จะปิด ขา 8 เป็นขาทั่วไป สร้างตัวต่อปกติเปิด (NO) กับขา 6 (ปิดหลังจากล่าช้า) และตัวต่อปกติปิด (NC) กับขา 5 (เปิดหลังจากล่าช้า)
1.2 ตัวอย่างการใช้งานจริง
(1) เปิดล่าช้า: ในกรณีที่ต้องการเปิดล่าช้า สามารถใช้ตัวต่อสวิตช์เปลี่ยนสถานะของรีเลย์เวลาแบบล่าช้าเปิด เมื่อมีสัญญาณขาเข้า หลังจากเวลาที่ตั้งไว้ สวิตช์จะเปลี่ยนสถานะ ทำให้วงจรที่เกี่ยวข้องเปิด
(2) ปิดล่าช้า: คล้ายกัน เพื่อให้ได้ฟังก์ชันปิดล่าช้า สามารปรับการต่อสายของรีเลย์เวลาแบบล่าช้าเปิดได้ หลังจากสัญญาณขาเข้าหายไป ตัวต่อสวิตช์จะเปิดหลังจากเวลาที่ตั้งไว้ ทำให้วงจรตัดขาด
2. รีเลย์เวลาแบบล่าช้าปิด
2.1 อธิบายแผนภาพการต่อสาย
แผนภาพการต่อสายของรีเลย์เวลาแบบล่าช้าปิดแตกต่างจากแบบล่าช้าเปิด ใช้โมเดลเฉพาะเป็นตัวอย่าง ขา 2 และ 7 เป็นขาขั้วไฟให้กับคอยล์ ขา 3 และ 4 เป็นขาสัญญาณรีเซ็ตภายนอก สามารถต่อสัญญาณเพื่อหยุดการทำงานล่าช้าหากจำเป็น หรือไม่เชื่อมต่อก็ได้ ขา 5, 6, และ 8 สร้างชุดตัวต่อสวิตช์หนึ่งชุด ซึ่ง 5 และ 8 เป็นตัวต่อปกติปิด (NC) เมื่อคอยล์ทำงาน ตัวต่อ 5 และ 8 จะเปิดทันที หลังจากคอยล์หยุดทำงาน ตัวต่อ 5 และ 8 จะปิดหลังจากเวลาที่ตั้งไว้ ตัวต่อ 6 และ 8 เป็นตัวต่อปกติเปิด (NO) ปิดทันทีเมื่อคอยล์ทำงาน และกลับมาเปิดหลังจากล่าช้าเมื่อคอยล์หยุดทำงาน
2.2 ตัวอย่างการใช้งานจริง
รีเลย์เวลาแบบล่าช้าปิดมักใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการรักษาสถานะเอาต์พุตเป็นระยะเวลาหนึ่งหลังจากสัญญาณขาเข้าหายไป ตัวอย่างเช่น ในระบบควบคุมประตูลิฟต์ สามารถใช้รีเลย์เวลาแบบล่าช้าปิดเพื่อให้ประตูล่าช้าในการปิดหลังจากสัญญาณปิดประตูหายไป นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการควบคุมรีเซ็ตของอุปกรณ์ความปลอดภัย เพื่อรีเซ็ตล่าช้า
3. สรุป
จากบทความนี้ เราสามารถเห็นบทบาทสำคัญของรีเลย์เวลาในการควบคุมวงจร รีเลย์เวลาแต่ละประเภทมีหลักการทำงานและสถานการณ์การใช้งานที่แตกต่างกัน การเข้าใจการใช้งานที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มความเสถียรและความน่าเชื่อถือของระบบวงจร นอกจากนี้ การควบคุมวิธีการต่อสายรีเลย์เวลายังเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญสำหรับวิศวกรไฟฟ้าและผู้สนใจด้านอิเล็กทรอนิกส์