เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาดที่ไม่สร้างสารพิษเช่นก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนไดออกไซด์ในการใช้งาน และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
หมุนเวียนได้: พลังงานแสงอาทิตย์เป็นทรัพยากรที่สามารถหมุนเวียนได้ ต่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมันและก๊าซ ซึ่งจะไม่หมดไป
เศรษฐกิจ: แม้ว่าค่าติดตั้งในระยะแรกจะสูง แต่ในระยะยาวพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางพลังงานให้กับครัวเรือนและธุรกิจอย่างมาก
ความอิสระ: การติดตั้งอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทำให้ครอบครัวและธุรกิจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริษัทไฟฟ้าแบบดั้งเดิม สามารถผลิตไฟฟ้าของตนเองได้
ความน่าเชื่อถือ: ระบบพลังงานแสงอาทิตย์มักมีอายุการใช้งานยาวนาน (ประมาณ 20-30 ปี) และต้องการการบำรุงรักษาน้อย
ความปลอดภัย: พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ไม่ก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือเหตุการณ์ความปลอดภัยอื่น ๆ
ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน: การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้กระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสังคม
ความหนาแน่นพลังงานต่ำ: พลังงานแสงอาทิตย์มีความหนาแน่นพลังงานต่ำ ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ในการรวบรวมพลังงานเพียงพอ ทำให้ต้นทุนอุปกรณ์สูงขึ้น
ขาดความต่อเนื่องและความไม่คงที่: เนื่องจากการหมุนของโลกและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้การจ่ายพลังงานแสงอาทิตย์ขาดความต่อเนื่องและไม่คงที่ ต้องใช้อุปกรณ์เก็บพลังงานเพิ่มเติมเพื่อให้การจ่ายไฟฟ้าต่อเนื่อง
ประสิทธิภาพต่ำ: เทคโนโลยีการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบันยังมีประสิทธิภาพที่ต่ำ ขณะนี้ประสิทธิภาพการแปลงแสงเป็นไฟฟ้าโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 15%-20%
ต้นทุนสูง: แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการระยะยาวจะต่ำ แต่การลงทุนเริ่มต้นสำหรับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงสูง
การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ไม่สมดุล: เนื่องจากลักษณะทรงกลมและการเคลื่อนไหวของโลก ทำให้การกระจายตัวของพลังงานแสงอาทิตย์บนโลกไม่สม่ำเสมอ และบางพื้นที่อาจไม่เหมาะสมสำหรับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในวงกว้าง
สรุปแล้ว พลังงานแสงอาทิตย์ในฐานะแหล่งพลังงานสะอาด มีข้อดีหลายประการ แต่ก็เผชิญกับความท้าทายทางเทคนิคและเศรษฐกิจ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและการลดต้นทุน คาดว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคต